วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558



รอยลิงที่สิงคโปร์ #6 "14 อีกครั้ง"


เมื่ออาหารมาพร้อมหน้าทีมผม 5 คนแปลงร่างเป็น เรนเจอร์ทั้ง 5 สีก็ปฏิบัติการรวมพลังกระทำชำเราขาหมู ผักลวก น้ำซุป บะกูเต๋ ตีนไก่ ซึ่งทั้งหมดถูกประกอบออกมาด้วยความปราณีตและ นุ่มประดุจดังพ่อครัวเอาลงท้องผ่านกระเพาะและลำไส้ใหญ่ออกมาใส่จานแล้วปรุงรสซ้ำ ทำให้ความนุ่มของอาหารทั้งหมดถูกแผ่กระจายออกมาละลายได้รสในปากแต่ไม่ละลายในมือกันเลยทีเดียว

เราเริ่มมีเสียงหัวเราะอีกครั้งหลังทุกอย่างเปลี่ยนพลังงานทดแทนอาการง่วงของพวกเรา
โปรแกรมต่อไปเราจะไปที่ "Marina Bay Sands"
เพื่อชม การแสดง แสง สี เสียง ผ่านม่านน้ำด้วยเครื่องฉายสไลด์
อีไกด์พี่อ้อยบรรยายสิ่งมหัศจรรย์ที่พวกผมกำลังจะไปเผชิญ

"เสียค่าบัตรไหม๊ครับ" อนุยกมือถาม 
"ฟรีค่ะ"....

-_-" อนุทำหน้าเซ็งๆพร้อมหันมาหาผมพร้อมพูด
"อันฟรีๆนิพาไปดูดีนัก"

อนุเริ่มประกาศตัวเป็นปรปักษ์แทนผมซึ่งเงียบไปไม่ค่อยต่อกรกับไกด์ทั้ง 2 
ผมเริ่มถอยออกมาจากการปะทะสักพักเพราะอยากสังเกตสภาพแวดล้อมของเมืองเมื่อก้าวข้ามสู่ความมืด เมืองไม่มีสภาพรถติดแม้จะเข้าสู่ช่วงเลิกงานของพนักงานทั้งหลาย

คงมาจากราคารถและภาษีที่แพงบรรลัย
ขนส่งสาธารณะที่สมบูรณ์วินัยและกฏหมายที่เข้มงวด
หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ส่งผลให้บ้านเมืองออกมาในรูแบบที่เห็นและเป็น
--อดีตสร้างปัจจุบัน และปัจจุบันส่งผลต่ออนาคต--

การปลูกต้นไม้เวลาที่เหมาะที่สุดคือเมื่อ 20 ปีที่แล้วเพื่อจะได้เก็บเกี่ยวดอกผลและร่มเงา
...ถ้าเมื่อ 20 ปีที่แล้วไม่ได้ปลูก เวลาที่เหมาะที่สุดก็คือตอนนี้
ตอนนี้บ้านเมืองเราปลูกต้นอะไรกันบ้าง?

ปัจจุบันจะส่งผลต่ออนาคต เป็นความจริงที่เป็นตลกร้าย.....
ปัจจุบันของประเทศเราจะส่งผลอย่างไรต่ออนาคตละเนี่ย 
คำตอบคงชี้ชัดไม่ได้ เราต้องการอัศวินม้าขาวที่มาสร้างปัจจุบัน 
และเปลี่ยนแปลงอนาคต 
-พวกเราต้องการฮีโร่- 

ซึ่งนั่นก็เป็นตลกร้ายอีกเช่นกันเมื่อสายตาของพวกเราไม่เคยมีฮีโร่
เรามองทุกคนเป็นผู้ร้ายที่มากอบโกย
เราไม่เคยเชื่อใจใครทั้งนั้นทั้งจากระบอบและการใช้อำนาจ
เราจับผิดทุกคน โจมตีทุกฝ่ายและไม่เคยให้อภัยกันและกัน
ถามว่าอะไรคือเหตุที่ทำให้ดวงตาเรามองเช่นนั้น....
คำตอบก็คงเป็นเรื่องตลกร้ายเช่นเดิม....

"อดีต" ไงละ!!!......
รถเราเคลื่อนตัวออกจากร้านอาหารผ่านเมืองและมุ่งหน้าสู่
ห้างดัง โรงแรมหรู คาสิโน และอื่นๆแล้วแตผู้คนในรถจะขนานนาม
เรามาถึง Marina Bay Sands ประมาณ 1 ทุ่มไหนๆก็มาแล้วเล่าอะไรสักหน่อย

Marina Bay Sands Singapore อาคารที่เต็มไปด้วยความเป็นที่สุดในโลก 
1, เริ่มต้นด้วยค่าก่อสร้างรวมที่ดิน ที่แพงที่สุดในโลก ด้วยมูลค่า 2 แสนกว่าล้านบาท
2, ห้องคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีโต๊ะเล่นพนันมากถึง 500 โต๊ะ และ ตู้ slot machine มากถึง 1,600 ตู้
3, สระว่ายน้ำที่บนอาคารสูงระดับ 55 ชั้น กลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก
4,อื่นๆอีกซึ่งผมก็ไม่รู้จะแจ้งทำไมผมคงไม่ได้ไปใช้บริการอะไรนอกจากไปเดินดูและขี้ใส่เพื่อเป็นเกียรติประวิติของวงศ์ตระกูล

เรามาถึงจุดปล่อยตัวและมีเวลาอีกเกือบชั่วโมงกว่าการแสดงแสง สี เสียงและเลเซอร์อลังการณ์ของอีเจ๊ไกด์พี่อ้อยจะเริ่มซึ่งหมายความว่าเรามีคาบว่างอยู่เพื่อใช้ในการเดินเตร็ดเตร่
ผมเดินไปกับอนุ สุทธิ โดยที่สาวๆขอแยกไปกับกลุ่มไกด์พี่อ้อยเพราะจะพา
ไปช๊อปกระเป๋าแบรนด์เนมที่เจ๊แกมีส่วนลด(และน่าจะได้ค่าคอม)

เราตั้งใจไป คาสิโน กับหา 7-11 น่าขำดีที่เราอยู่สิงคโปร์แต่ต้องเดิน 7-11 นี่กูเป็น 
Seven-Elevenlism หรืออย่างไร ซึ่งที่นี่มี7-11 สองแห่งเพื่อซื้อซิมการ์ดและเครื่องดื่มอีกเล็กน้อย ระหว่างทางที่เดิน ป๊ะ!! เข้ากับไกด์หนุ่ยที่เดินด้อมๆมองๆ ว่าเราจะไปกระเด้าใครในห้างหรือเปล่า

คำถามแรกที่สุทธิถามไกด์หนุ่ยในสถานที่รโหฐานแต่วิเวกจากสาวๆที่มาด้วยคือ

"เราจะสัมผัสแผ่นดินสิงคโปร์อย่างแท้จริงได้เยี่ยงไร?
#ฟังดูยิ่งใหญ่มาก

ไกด์หนุ่ยทำท่าครุ่นคิดแล้วจิกตามาที่พวกเราแล้วกล่าวแบบเย้ยๆว่า
ถ้าไปเที่ยวก็ต้องใช้เวลาและจีบยากพอสมควร
ส่วนการซื้อกินนั้นเสี่ยงและใช้ค่าใช้จ่ายสูงมาก#ไอ้ลิงเหลือง
พวกเราขำกับคำถามและคำตอบ
ไกด์หนุ่ยเดินจากไปเพื่อทำธุระ ปล่อยให้ สามช่าผจญภัยตามมีตามเกิด 

ซึ่งก่อนไปเราก็ถามทางไปคาสิโนกับ 7-11

"จีบเหรอ" ขนาดกูจะซื้อเบียร์ยังพูดจนเมื่อยมือ
"ซื้อกิน" เหรอ ขนาดซื้อเบียร์กูยังคิดแล้วคิดอีก
"หมดกันการเปิดโลกใหม่ และ การล่าอาณานิคมอย่างที่หวัง"

สุทธิบ่นอย่างออกรสออกชาติเมื่อไกด์หนุ่ยลับหายไปตรงมุมเสา...

เราเดินลงไปที่คาสิโนซึ่งชาวต่างชาติเข้าฟรีส่วนคนสิงคโปร์ 100SGD
โอ้วววว เราชิงความได้เปรียบทันทีถึงแม้จะแลกกับการต้อง
เอาพาสปอร์ตที่มีรูปเราตอนก่อนจะวิวัฒนาการมาเป็นคนออกมา
เพื่อให้การ์ดตรวจก็ตาม

เราสอบถามเจ้าหน้าที่และอ่านข้อกำหนดกฏเกณฑ์ต่างๆ

เราเข้ามาด้านใน ความใหญ่ อลังการณ์ทำเราอึ้งไปอีกครั้ง
เราต่างคนต่างเดินดู 

อนุ เริ่มแสดงสีหน้ามั่นใจในพลังดวงของตน ตั้งใจหาการละเล่นที่ตนเองคุ้นเคยและอยากมีส่วนร่วมและแยกออกไปตามหาฝัน  ผมก็เดินดูผู้คนที่กำเงินแสนไว้ในมือในรูปแบบพลาสติคทรงกลม
มีคนแบบไฮโซ คนที่เดินเหมือนหาคนช่วยเหลือ กรุ๊ปจีนบางกรุ๊ปยืนดื่มน้ำที่ทางคาสิโนแจกให้ฟรี 
บางคนหยอดสล๊อต ลุ้นบาคาร่า และอื่นๆตามที่ตนเองถนัด

ผมเดินไปถามเจ้าหน้าที่ว่าห้องน้ำอยู่ไหน 
เพื่อจะกระทำภาระกิจที่หวังอย่างตั้งในและเพื่อเกียรติแห่งวงษ์ตระกูล
#แน่นอนชักโครกแม่มสูง 
#การ์ดนั่งขี้แบบฮิปเตอร์ทำงาน

เมื่อออกมาเจออนุที่ยังไม่ได้เล่นอะไรสักอย่าง

"มึงเดินตามหาอะไร"
"วงไพ่ป๊อกครับ"

ผมนิ่ง....อนุนิ่ง...สุทธิตามหลังมานิ่ง....
--ที่นี้มีวงไพ่ป๊อกไปไหม๊ว่ะ?--

เราเดินขึ้นมาเพื่อไปที่แสดงโชว์ เพราะใกล้ถึงเวลาแสดงแล้ว
แน่นอน ถามทางจนไปถึงที่แสดง
เราเป็นกลุ่มแรกที่ไปถึงที่แสดงเลยมีที่ว่างให้นั่ง นอน ได้อย่างเต็มที่
อาการล้าเริ่มก่อตัวอีกครั้ง ผมถอดรองเท้านอนแผ่ พร้อมกับเก็บรูป
อนุ สุทธิ และสองสาวเดินตามมา 

ทุกคนถอดรองเท้าและนอนแผ่....พร้องทำหน้าเหนื่อยและอยากจะกลับที่พักแล้ว......
ช่วงที่รอการแสดงเริ่ม ผมควักสมุดน้อยผมออกมาจดไดอารี่สั้นๆพร้อมกับเหลือบไปเจอข้อความที่ผมเขียนไว้

"เราจะได้อะไรจากการมาท่องเที่ยวครั้งนี้?...."
ตอนนี้ผมได้คำตอบที่หลากหลาย
ไปที่นั่นได้อันนี้!!...
ไปตรงนี้ได้อันนั้น !!...
ไปตรงโน้นไม่ได้อะไรเลย!!...

การไม่ได้อะไรเลยก็คือการได้อย่างนึง
ทำให้รู้ว่าไปสถานที่แบบนี้แล้วทำแบบนี้จะไม่ได้อะไรเลย....

--การเรียนรู้คงสำคัญอยู่ที่มุมมอง แต่การนำไปต่อยอดนั่นสิคือสิ่งที่สำคัญกว่า--

หลายๆคนกล่าวว่าการเดินทางคือการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่
ผมไม่เข้าใจ และคิดอย่างง่ายๆว่าเราแค่อ่าน ฟังผ่านเรื่องเล่าก็น่าจะพอ
แต่เมื่อมาเรียนรู้จริงๆ กลับพบว่า ผมได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง...

--เด็กที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
---ต้องถามคำถามตลอดทาง
----อยากรู้ทุกสิ่งที่เห็น
-----กินในสิ่งที่คนอื่นจัดให้
------ไปในที่ๆคนอื่นพาไปหรือแนะนำ


ท้ายสุด คือดวงตาที่สลัดอีโก้และแคะหูที่เต็มไปด้วยขี้หูออก
เพราะ เราต้องเปิดทุกทวารเพื่อรับรู้ รับฟัง ทำตาม
อย่างไม่ขัดแย้งและสงสัย 

เพลง "14 อีกครั้ง"เริ่มบรรเลงขึ้นในหูผม
ก่อนจะถูกขัดจังหวะด้วยเสียงของกรุ๊ปทัวคนไทยข้างๆ
เราบ่นเพราะคิดว่าพวกผมเป็นชาวต่างชาติ
"แม่งเอ๊ย พวกห่านั้นแม่งถอดรองเท้า #สัส #แม่งโครตเหม็น"

สุทธิยืนขึ้น....เดินไปใส่รองเท้า
#อย่างรู้ตัว
#มึงไปนั่งคนเดียวเลย
#สัส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น