วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

มองโลกเปลี่ยนไปในชีวิต เดิมๆ

มองโลกเปลี่ยนไปในชีวิต เดิมๆ

วันนี้มีเรืองมาเล่าให้ฟังครับ

วันก่อนไปออกกำลังกาย ใส่หูฟัง แล้วปวดหู เลยถอดมันออก

สิ่งที่ได้ คือมีคนที่เข้ามาออกกำลังกายทุกวัน เจอกกับผมทุกวันนะแหละ
เข้ามาทักทาย เราก็ได้รู้จักกัน แถมฟิตเนสเสร็จก็ไปเล่นบาสกันต่อ

มันทำให้ผมรู้ว่า แค่ทำอะไรผิดจากที่เคยทำ อาจมีโอกาสใหม่ๆเข้ามาก็ได้

ชายคนนึงเป็นเจ้าของบริษัทคอมพิวเตอร์ชั้นนำ ไปเยี่ยมบริษัทน้องใหม่ พบอุปกรณ์ 
แปลกๆที่ชื่อว่า"เมาส์ " และการใช้ UI แบบใหม่

เลยขอดู แล้วทำการก๊อปมา ลงเครื่องคอมพิวเตอร์ของบริษัทตนเอง

โดยที่ไปว่าจ้างอีกบริษัทนึงที่เป็นน้องใหม่เหมือนกันแต่เก่งเรื่องเขียนโปรแกรม

แล้วเจ้าบริษัทที่ถูกจ้างมานี่ก็ก๊อปปี้ UI เหล่านั้นไปขาย ให้ IBM และผู้ใช้ทั่วโลก

คุ้นๆไหม๊ครับ

เป็นที่มาของ The Pirate of silicon valley 
เรื่องของ XeroxPARC กับ Steve Jobs กับ Bill Gates นั้นเอง

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่ผมเล่าตอนแรก
ก็ไม่เกี่ยวกันมากหรอกครับ

ผมแค่มองว่าการที่ผมสิ่งเล็กว่ามันเปลี่ยนไป เทียบกับสิ่งที่เปลี่ยนโลก

มันช่างคล้ายคลึงกัน ผมก็คงหักไปนั่งสังเกตสังกาอะไรบ้างก็เท่านั้นเอง

การเปลี่ยนเราไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่

การเปลี่ยนโลกก็เช่นกัน เกิดจากการกระทำ

"เล็กๆ" 

แค่นั้นเอง แบ่งปันช่วงรอ รีวิวหนังสือเล่มใหม่ครับ

iMonkey7 31-5-15


วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

รีวิว "รุ้งตะแคงแวงตั้ง" -วิชัย -A BOOK




"รุ้งตะแคงแวงตั้ง"
ผู้เขียน -วิชัย  
สำนักพิมพ์ -A BOOK
( ราคา 235บาท  ปีที่พิมพ์2556 )

รุ้งตะแคงแวงตั้ง เรื่องสั้นที่เป็นนิยามของคำว่า "กวนตีน"


โลกเราก็มีคนหลายประเภทนะครับ ทั้งคน อมทุก อมสุข
บ้าบอ จริงจัง ความสนุกอย่างนึงของการอยู่บนโลกใบนี้

คือการพบปะผู้คน สังคม และ แนวทางการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน
การอยู่ร่วมกัน ก็เป็นอะไรที่สนุกสนาน เหมือนความหลากหลายของหนังสือนั่นเอง

เปิดประตูออกไปดูสิครับ ฝนกำลังตกอยู่
หาถังใบใหญ่ไปรองน้ำสิครับ

"ถือไปทำไมแก้วใบนิดเดียว"

        เนื้อหา

                    จากปกคงไม่ต้องบอกว่าเนื้อหาคืออะไรนะครับ นอกจากคำว่ากวนตรีน!!!
ที่สอดแทกอยู่ในทุกอนู ของหนังสือเล่มนี้

หนังสือว่าด้วยการไปผจญภัยในสถานที่ต่างๆของผู้เขียน 
และถ่ายทอดความเป็นตัวเองผ่านสถานที่นั้นๆ

ความทรงจำ ที่บางอย่างหรือหลายๆอย่างคล้ายๆกับเรานั้นแหละ
จะเรียกได้ว่ามันคือหนัง"แฟนฉัน"ในฉบับหนังสือที่มี "วิชัย" แทน "เจี๊ยบ" 

และเป็นคนกวนตรีนที่สุดในโลกแค่นั้นเอง

สาระที่สอดแทรกในหนังสือเรียกได้ว่าไม่มีครับ มีแต่ศัพท์แสงที่คิดขึ้นมา
แบบที่ว่าไม่น่ามีมนุษย์คนไหนคิดได้

เช่น เก้บ (เกย์ + กล้าม)
เรียกสาวๆว่าช้างเผือก 
เมื่อมีช้างเผือกก็ต้องมีควาญช้าง(ทอมหัวแหลมเดินคุมสาว)

เหล่านี้คือความมหัศจรรย์ที่น่าหลงไหล ลดภาระของสมองไม่ต้องกลั่นกรองอะไรหนักๆ
และเพลิดเพลินไปกับวาทะของหนังสือตลกๆที่เล่าผ่านสถานที่ในแต่ละวัย

"ผมว่าในสถานที่เหล่านั้น มีคุณอยู่สักที่แน่ๆครับ"




          ผู้เขียน


หนังสือสร้างชื่อของคุณวิชัยคือ "สิ่งมีชีวิตในโรงแรม" 
เป็นการรวมเรื่องสั้นในบล็อกของคุณวิชัยเอง ที่ดันไปเข้าตา บก ของสำนักพิมพ์
 a day และได้คัดเลือกมาเป็นนักเขียน

เสน่ห์ที่น่าหลงไหลของคุณวิชัยคือ การเล่าเรื่องธรรมดาให้เกินธรรมดา
การเปรียบเทียบสิ่งของที่เกินมนุษย์จะคิดได้ 

การกล่อมให้ผู้อ่านล่องลอยในจินตนาการของผู้เล่า

ผมไม่แน่ใจว่าตอนนคุณวิชัยอยู่สังกัดไหน เพราะเข้าร้านหนังสือล่าสุด
เห็นมีหนังสือให้สำนักพิมพ์อื่นวางแผงอยู่ 

ยังไงหากใครมีข้อมูลตรงนี้ก็ฝากแขร์กันหน่อนนะครับ

มุก ขำนิดๆที่แทรกอยู่ทั่วไปในหนังสือ

       ความคุ้มค่า

อ่านเถอะครับเล่มนี้ เพื่อพักผ่อน อ่านเพื่อให้รู้ว่าคนกวนตรีนที่เล่าเรื่องเป็น นั้น เป็นอย่างไร
ผมให้ 8 คะแนนครับ เอาตรงๆเรื่องความฮา ยังสู้"สิ่งมีชีวิตในโรงแรม"ไม่ได้ 
อันฮาจริงอะไรจริง น้ำหูน้ำตาเล็ด

แต่ก็ไม่เสียเวลาอ่านหรอกครับ 

"เชื่อผมเถอะ"

คำถามแล้วทำไมไม่รีวิว"สิ่งมีชีวิตในโรงแรม" ขอตอบแบบตรงๆครับ ผมหาไม่เจอ
ถ้าเจอยังไงจะหยิบมารีวิวนะครับ

 iMonkey 30-5-15

ฝากกดไลค์แฟนเพจ 
iMonkey's Books ด้วยนะครับเป็นกำลังใจในผลงานต่อไปครับ







Text-to-speech function is limited to 100 characters

ก้าวย่างแห่งความสำเร็จ

มีคำกล่าวที่ว่า

 "การกระทำเป็นบิดาของทุกกฏ"

คงจะจริงครับ ไม่สิ มันคือความจริงครับ

หลายๆคนมีไอเดีย  หลายคนเก่ง หลายๆคน สุดยอด

แต่ความต่างของคนอยู่ที่เริ่มลงมือทำ

ผมอ่านหนังสือมาก็เยอะอยู่( ในความคิดของตัวเอง ฮา )

มีหลายเล่มที่ผมคิดเลยว่า
"แม่ม เขียนแบบนี้กูก็เขียนได้"
"ห่าน เอ้ย!!! แบบนี้ก็กล้ามาขาย"

แล้วไงครับ คำด่า หรือ สบดแบบนี้ควรด่าใครครับ?

หลายสิ่งหลายอย่างที่ถูกทำถูกผลิตขึ้นมานั้นเป็นอะไรที่น่าจะมี กับไม่น่าจะเกิด
มุมมองเหล่านั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนจะตัดสินครับ

อันนี้ชอบ  อันนี้ไม่ชอบ  แตกต่างกันไป

แล้ววันนี้เราคิดว่าเราจะทำอะไร........แล้วอะไรที่ทำให้เราไม่ได้ทำ

"คำตอบอยู่ที่คุณแล้วครับ"

-----------------------------------------------------------------------

เพิ่งได้มา ขออ่านแพร่บ

อ้อ มีผู่อ่านบางท่าน (พูดแบบว่าประมาณแฟนคลับเยอะ )

บอกว่าผมรีวิวแต่หนังสือแนวพัฒนาตนเองเหรอ?

ครับผมมีหนังสือที่อ่านจบแล้วรอบ เขียนอยู่ ประมาณ 10 เล่มจะทยอยๆ ลงให้ครบทุกแนวนะครับ

แต่ช่วงนี้อ่านแนวนี้เยอะ

เนื้อของแต่ละเล่มที่เป็นหนังสือแนวนี้ 50%เหมือนกันหมดละครับ

ขึ้นอยู่กับว่าจะยกใครมาเป็นแรงบันดาลใจแค่นั้นเอง แล้วจะหาเวลามาสรุปให้ฟังครับ

แต่ปัจจัยของคนอ่านหนังสือ ไม่ได้อยู่ที่แค่เนื้อหาครับ

สำนวนที่อ่านแล้วเพลินก็ดึงเงินในกระเป๋าผมได้เหมือนกัน

ขอบคุณที่ติดตามนะครับ

จะลงและเขียนทุกวันครับ

ฝากกดไลค์ที่แฟนเพจ

iMonkey's Books ด้วยนะครับ
(อยากทำให้ง่ายกว่านี้ แต่ทำไม่เป็น ต้องไปเรียนทำ Blog ไหม๊เนี๊ย)

อ้ออีกอย่างครับ......ปุ่มแชร์อยู่ด้านล่างนะครับ เพิ่งทำเป็น

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

รีวิว "คิดจะไปดวงจันทร์ อย่าหยุดแค่ปากซอย"( รวิศ หาญอุตสาหะ )

"คิดจะไปดวงจันทร์ อย่าหยุดแค่ปากซอย"
( รวิศ  หาญอุตสาหะ )
การมีเป้าหมายและเข้าใจสิ่งที่ตนเองต้องการที่สุด มันอาจฟังดูเหมือนง่ายมาก
แต่ลึกๆแล้วจะมีกันสักกี่คนที่รู้แน่ๆ ว่าตนเองอยากทำอะไร อยากได้อะไร
 และเป้าหมายจริงๆของชีวิตคืออะไรกันแน่ สิ่งที่เราทำอยู่ มันถูกที่ถูกทางกันแล้วเหรอ?
โลกนี้มีคนโชคดี ที่รู้จักตัวเองว่าต้องการอะไรตั้งแต่เด็ก แล้วเดินไปก่อน
มีหลายคนที่โตขึ้นมาถึงรู้ว่าตนเองอยากเป็นอะไรไร แล้วเดินตามไป
แต่แน่นอนมีมายที่ ยังไม่รู้เลยว่าเราทำอะไรอยู่ ก็หาทางไป
และมากกว่านั้นมากๆ ที่รู้ว่าตนเองอยากเป็นอะไร
 แต่ก็ไม่ทำอะไรเพราะอะไร
"เรายังไม่พร้อม"


เนื้อหา
 หนังสือถูกแบ่งเป็นสามบทใหญ่ๆ โดยเริมต้นด้วย 

"จะหยุดอยู่แค่ปากซอย?"

เป็นส่วยของการสร้างแรงบันดาลใจโดยใช้ผู้คนมากมายที่เริ่มจาก 
ศูนย์หรือติดลบ และบุคคลธรรมดาที่ สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้เช่น
  •  Malaya  Yousafzai (นักต่อต้านผู้ก่อการร้าย)
  • Michael  Phelp (นักว่ายน้ำ ที่ประสบความสำเร็จที่สุดของโลก)
  • Ralph  Lauren (เจ้าของแบรนด์ Ralph  Lauren )
  • Nick  Vujicic  (คนพิิการที่สร้างแรงบันดานใจให้คนทั่วโลก)
  • ลี กา ซิง (อสังหาริมทรัพท์ ที่รวยที่สุดในเอเชีย)
  • Walt  Disney ( นักเขียนการ์ตูน )

ปิดท้ายด้วย 1984 ที่ไม่เหมือนเดิม ของโฆษณา Apple ที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดในโลก
หนังสืออธิบายถึงการเลี่ยนแปลงของโลกยุคนี้ในเชิงโฆษณาที่
Google มีแก้บทบัญญัติใหม่จาก TV สู่ Pay Per Click และบรรยายถึง
สื่อในยุค People Media ( Social Media) 
"แม้เรื่องที่ดูเหมือนใช้แรงมาก สมองก็ยังสำคัญมากกว่า หัวใจและปอด"

"การเตรียมตัวสู่ดวงจันทร์"

 ผู้เขียนบรรยาย การใช้ Common Sense ในการทำธุรกิจ การเข้าใจและเข้าถึง
ผู้บริโภคว่า ถึงจะมีรายละเอียดมาเท่าใด ก็ต้องอธิบายให้ง่ายกว่านั้น
พร้อมสลับ กับเหตุการณ์ เปลี่ยนโลก ของบุคคลต่างๆ
การวางแผน ใน ธุรกิจโลกปัจจุบัน เทรนด์ต่างๆ เครื่องมือที่ใช้ การทดลอง ทดสอบ


พลังใจ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการมุ่งสู่ดวงจันทร์ คุณรวิศ บรรยายถึงการใช้พลังใจที่มีอยู่
ให้สามารถสร้างผลงานที่ดีที่สุด การเตรียมตัว ก่อนลงมือทำ
- การเตรียมพร้อม
-ตัดตัวเลือก
-เป้าหมายระยะสั้น ยาว

ทั้งยังสอนการตั้งเป้าหมายที่สามารถเป็นจริงตามขั้นตอน
  1. ตั้งด้วยตัวเองเท่านั้น
  2. ตั้งเป้าที่มีความหมายต่อผู้อื่น
  3. ป้องกันคำว่า "รู้งี้"
  4. ยืดหยุ่น แต่ ชัดเจน
  5. วัดผลได้ จับต้องได้
  6. สัมพันธ์กับอุปนิสัย และ จริตของตนเอง
  7. สอดคล้องกับทุกด้านของชีวิต
เมื่อได้เป้าหมายของตนเองก็เริ่มเข้าสู่กระบวนการ Focus
การจัดระเบียบชีวิต และเริ่มลงมือทำ


"ทางลัดสู่ดวงจันทร์"

คุณต้องเข้าใจ สิ่งสำคัญที่สุดของธุรกิจคุณ การแตกแถว คิดนอกกรอบ
การนำเสนอ เรียบง่าย
และหาจ่าฝูง ( Influencer )

ทั้งหมดถูกถ่ายทอดสลับไปมา อย่างกับผู้กำกับที่ต้องการให้ผู้อ่านระทึก
กับเหตุการณ์ต่างๆอย่างใจจดใจจ่อ ให้ผู้อ่านเหนื่อยบ้าง
 ผ่อนบ้างในเนื้อหาสลับกันไปมาอย่างลงตัว
ซึ่งทำให้เราอ่นจบแบบไม่รู้ตัว และ ความรู้สึกที่ว่า
ไม่น่าจบเลยก็จะมาเคาะประตูบ้านเรา

ความคุ้มค่า
  เป็นหนังสืออีกเล่มนึงที่สร้างแรงบันดาลใจโดยผู้ที่ทำจริง 
และเรื่องราวบันดาลใจของบุคคลทั่วโลก จะกล่อมให้
เราหลงไหลไปกับ การมุ่งไปข้างหน้า
เป็นหนังสืออีกเล่มนึงที่ควรค่าแก่การกลับมาอ่านอีกคั้งใน ทุกๆปี
เมื่อเราเป็นยานอวกาศ การมุ่งหน้าสู่ดวงจันทร์ ก็ต้องผ่าน
การวางแผนที่มากมาย การปล่อยยาน ที่แน่นอนการพุ่งทะยานในช่งแรก
คือเวลาที่ยากลำบากที่สุด
เราจะฝ่ามันไปได้หรือไม่ก็ ตอนเริ่มนิละ
แน่นอนเมื่อผ่านไปแล้ว
สิ่งที่คุณพบคือดวงดาวที่สวยงาม ที่คนส่วนใหญ่
"ไม่เคยได้ไป"

                                                                 คะแนน 9
                                                  iMonkey7              



วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

"การเปลี่ยนแปลง"

การเปลี่ยนแปลง


จริงๆวันนี้ผมมีหนังสือที่อ่านจบแล้วรอรีวิวอยู่ อันที่จริงรีวิวจะเสร็จแล้ว
ผมเลยมานั่งอ่าน 2 เล่มที่ผมรีวิวจบไป ผมพบว่า การรีวิวของผมนั้นเป็นเพียง
การเอาอารมณ์ความรู้สึกของผมเข้าไปเป็นส่วนร่วม แต่ยังไม่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์
จากหนังสือมาแชร์ให้มากนัก

ส่วนนึงมาจากการไม่อยากนำเนื้อหาออกมาเยอะมาก เพราะเจ้าของหนังสือคงไม่พอใจนัก
และอีกส่วนนึงผมยังจับประเด็นได้ไม่ดีเท่าที่ควร

งั้นเรามาทบทวนกันกับโจทย์ที่ว่า

"ผมจะทำให้ผู้อ่านได้รับประโยชน์จากหนังสือที่ผมรีวิวได้อย่างไร"

ครับ เราคงต้องตีความคำว่าประโยชน์ให้มากกว่าที่เราเข้าใจแล้ว


การตีความ หรือการตีกรอบ ( Definition)


ไหนๆผมก็พูดถึงการตีความแล้ว ผมองว่าหลายคน ถูกตีกรอบด้วยคำพูดหรือ 
ความคิดของคนอื่นมาก จนมีผลต่อการตั้งเป้าหมายในชีวิต

โดยเฉพาะคำว่าอาชีพ

"เราทำอาชีพอะไร"

ผมเป็น พ่อค้า, ผมเป็น คนสวน

สิ่งเหล่านี้ล้วนตีกรอบทำให้เราไม่สามารถมองถึงศักยภาพตนเองได้

"ผมเป็นพ่อค้า" เปลี่ยนเป็น "ผมเป็นผู้ส่งมอบความสุขจากผลิตภัณฑ์ที่ผมนำมาขาย"
อาจทำให้ผู้ที่ขายสินค้าเพียงอย่างเดียวเปิดโอกาสมองสินค้าที่เกี่ยวเนื่องและ
สามารถบรรยายว่าสิ่งนั้นแก้ปัญหาให้ลูกค้าเขาได้เช่นไร

"ผมเป็นคนสวน" เปลี่ยนเป็น "ผมเป็นคลังสองด้านการเกษตร"
อาจทำให้พ่อค้าขายผัก ลุกขึ้นมาถ่ายทอดความรู้และนำมาซึ่งผลประโยชน์ต่อประเทศได้



"ลองใช้วิสัยทัศน์ใหม่ คุณอาจมีค่ามากกว่าที่คุณรู้ครับ"



                                                                                                                    iMonkey 27-5-2015




วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

รีวิว "งานไม่ประจำทำเงินกว่า" (บอย วิสูตร แสงอรุณเลิศ)

"งานไม่ประจำทำเงินกว่า"



กับภาวะในโลกปัจจุบันที่ต่างแย่งกันกินแย่งกันอยู่
การดิ้นรน เอาชีวิตรอดของมนุษย์ในสังคมนั้น
ก็ไม่ต่างอะไรกับ สุนัขล่าเนื้อที่ จ้องแต่จะคอยหาผลประโยชน์แก่ตนเอง

การนั่งนิ่งๆมองตัวเอง คุยกับตัวเอง และ หามุมมองใหม่ๆ
อาจเปลี่ยนชีวิต การทำอะไรใหม่ๆออกจากโลกเดิมๆ
โดยเริ่มจากอะไรง่าย อาจเปลี่ยนชีวิตคุณไปเลย 
เริ่มจาก
ลองเปลี่ยนเส้นทางขับรถไปทำงาน อาจจะอ้อมไกลหน่อย แต่อาจจะมี
โอกาสที่เรามองไม่เห็นซ่อนอยู่
"ก็เป็นได้"

           เนื้อหาของหนังสือ
จากปกที่เราคาดไว้น่าจะเป็นแนวทางการทำเงินด้วยวิธีที่ผู้เขียนจะเอามาแชร์
หรือวิธีการทำธุรกิจในโลกปัจจุบัน Content (เนื้อหา) ที่น่าจะเอามาปรับใช้ใน
ยุคเทคโนโลยีออนไลน์ครองโลก
"ผิดครับ" 
หนังสือประกอบไปด้วย 50 บทที่คล้ายกับบอกให้เราหยุดคิด
ใช้ความคิดมองโลกในมุมใหม่ แสดงถึงวิธีคิดที่แปลกออกไป
ในหนังสือไม่มีความรู้ใหม่ๆมาบอก แต่มาย้ำความคิดเก่าที่เราลืมมันไป
หนังสือไม่มีทางลัดใดๆทั้งสิ้น เพราะเพียงบทแรกที่คุณพบ
ก็บอกคุณทันทีว่า ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ
สิ่งง่ายที่สุดเพียงสิ่งเดียวที่ผู้เขียนจะบอกก็คือ
"อ่านหนังสือเล่มนี้แหละ"

เนื้อหาในเล่มทั้ง 50 บท ถูกกลั่นกรองด้วยภาษาที่ง่ายๆมากๆ จนรู้สึกเหมือนว่า
แค่เราอ่านเราก็สำเร็จแล้ว

ใจหลักของหนังสือที่ผมสรุปได้จากเล่มนี้คือ
                                    1. วางเป้าหมาย
                                    2. ลงมือทำ
                                    3. ลงมือทำ
                                    4. ลงมือทำ
ครับแค่นั้นจริง........ อย่าไปคาดหวังอะไรจากสิ่งที่เราทำครับ
ทำไปเถอะ.....เดี๋ยวมันมาเอง



          ผู้เขียน

คุณบอยเป็นกระแสของหมู่คนในยุคปัจจุบัน เป็นแรงบันดาลใจที่ดีเยี่ยม
 การถ่ายทอดทั้งการพูดการเขียน มีชั้นเชิง ลูกล่อลูกชน จนกระทั้งทิ้งคำถามให้เราคิด 
ครับ ให้เราคิด ผมไม่ได้ว่าทุกท่านไม่มีความคิดนะครับ 

แต่สิ่งที่คุณบอยเขียนออกมามันสัจธรรมที่เรารู้แต่เราลืม 
เค้าคือคนปลุกกระแสนี้มาอีกครั้ง แสดงให้โลกเห็นว่าการมีความรู้
 มีความคิดกับตัว ทำเงินได้มากมายแค่ไหน หยิบจับอะไรๆก็เป็นเงิน

 แต่การที่เราจะทำได้เช่นนี้นั้น เราก็ต้องผ่านอะไรมากมายมาเช่นกัน
การอ่านลายเส้นอักษรของคุณบอยมากๆ

 ระวังจะหลงรักชายคนนี้แบบไม่รู้ตัว

             สิ่งที่ได้จากหนังสือเล่มนี้

การหันกลับมามองตนเองครับ ใน 50 บท มี 50 ประเด็นความคิด
 ที่พยายามจับไม่ได้เลยเพราะมัวหลงไหลกับวาทะอันเพลิดเพลิน
 แนวคิดที่เรียบง่ายแต่แปลกแยก แบ่งเรากับผู้เขียนออกเลยว่า

"คนละชั้นในการตีโจทย์ชีวิต "

จะพูดไงดีว่าผมไม่ได้อะไรเป็นแก่นสารมากนักจากหนังสือ 
สิ่งที่ได้คือหลังจากอ่านจบ
(ซึ่งมันเพลินจนรู้สึกว่า จบแล้วเหรอ)
เรามาคิดกับตัวเรามากกว่า ในหนังสืออาจมาปรับกับเราไม่ได้เลย
แต่เราหันมาคิดมาขึ้นกับตัวเอง
เราคือคนที่จะกระทำการใดๆกับตัวเรานั้นเอง

ความคุ้มค่า
ผมให้ 8.5 กับวาทะอันเรียบง่ายที่เพลิดเพลินการความคิดของชายคนนี้
การมองโลกและถ่ายทอดทำให้เราอยากจะคิดกับตัวเองมาขึ้น

แต่ด้วยการที่มองไม่ออกว่าแก่นสารของสาระที่จะบอกนั้น
มันไม่ชัดเจนหรือผูกติดกับชื่อหนังสืออย่างไร

ทำให้ คนที่คาดหวังว่าจะได้แนวทางการหาเงิน
ตามฉบับ มนุษย์อิสระนั้น ต้องผิดหวัง

ต้องไปนิยามคำว่างานอิสระใหม่
ก่อนจะตกอยู่ในผวังแห่งโลกโฆษณาที่อยู่ในวังวนของคำว่า

"รวย ง่าย และ เงิน"






วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

A Little Steps

A Little Steps
สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ที่แสนสงบ กับตอนที่ 3 ของบล๊อกเล็กๆแห่งนี้ที่
จะคอยหาข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือประเภทต่างๆมาให้ผู้สนใจได้อ่านรีวิวกันก่อนจะตัดสินใจซื้อ
ครับก็ยังมีแค่เล่มเดียวที่ผมได้ทำการรีวิว เมื่อวานผมได้ลองค้นหาผ่านแว่นตาของโลกนามว่า
กูเกิ้ลเกี่ยวกับเว็บไซต์ หรือแฟนเพจที่เกี่ยวกับการรีวิวหนังสือ
โอ้ บร๊ะเจ้าเรามันคือมดน้อยที่เกาะตูดเต่าตนุท่องไปในทะเลแปซิฟิก
มันช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน กับผู้คนที่เค้ารู้จักกับนักเขียนทุกคน หนังสือทุกเล่ม ทุกแนว
ขอย้ำทุกเล่ม ทุกแนว!!
เรายังอ่านแค่ที่อยากอ่าน เจอพี่ๆที่อ่านทุกอย่างที่ขวางหน้าแล้วก็เกิดคำถาม
"พี่ๆเค้าทำงานทำการอะไร มีเวลาว่างมากจัง"
นี่คือคำถาม กับผมเองที่ทำงานบริษัท มีครอบครัวที่มีร้านอาหาร
กับลิงตัวน้อยอีก 2 ตัว และปัญหาที่รอจะโผล่มาให้แก้เล่นฆ่าเวลาอีก
สรุปคือผมมีเวลาอ่านแค่วันละไม่เกิน 30-60 นาทีต่อวันเพื่อจะอ่านหนังสือกองมโหฬาร
คำตอบที่ผมได้จากหนังสือที่กำลังอ่าน
และหลายๆเล่มก็คือ

"คุณอยากทำมันมากแค่ไหน"
ถ้าคุณอยากทำก็จงทำซะ ทุกอย่างไม่มีอุปสรรคถ้าจะทำ
 ไม่มีคำว่าไม่ได้ถ้าเราไม่สร้างมันมากั้นเราเอง
"เราเป็นแบบนี้เราจึงเป็นแบบนี้ ถ้าเราไม่อยากเป็นแบบนี้ ก็จงอย่าทำแบบนี้"
แค่นั้นเองครับ
ผมคงจะค่อยๆสะสมความรู้ไปทีละนิด อ่านทีละแนวทุกๆวัน มันก็เยอะเอง
ที่ออกมาเขียนบล๊อกวันนี้ก็อยากจะบอก พี่ๆ เพื่อนๆทุกท่านที่หลงเข้ามาในโลกใบนี้ของผม
ขอให้สนุกไปกับก้าวเล็กที่ผมกำลังทำ ได้ประโยชน์ากสิ่งที่ผมชอบ
หากมีข้อแนะนำ อะไรก็ เชิญเต็มที่ทั้งในบล็อกและในแฟนเพจ
(คือพยายามทำปุ่มเท่ที่คลิ๊กแล้วไลค์เพจเลยอยู่ครับ แต่ยังไม่สำเร็จ รออีกนิดนะครับ)
อยากให้รีวิวเล่มไหน ก็บอกมาได้ครับ ผมจะค่อยๆอ่านไปทีละนิดๆ หากไม่ทันใจก็อ่านแล้วมาช่วยรีวิวก็จะดีมากๆครับ
เป็นกำลังใจให้ตัวเองเสมอครับ เมื่อเราทำอะไรแล้วคิดว่ามันดี
คนที่ควรจะชมคนแรกก็คือตนเองครับ
"คุณทำดีแล้วครับ ทำต่อไป"
ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะครับ
imonkey 24-5-15

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

"ล้านแรก ต้องแหกกฏ" โดย ภาววิทย์ / ดร. ต้อง


"ล้านแรก ต้องแหกกฏ"

คงเป็นธรรมเนียมไปแล้วกับการดึงดูดคนซื้อหนังสือ ที่ต้องมีคำว่า
 "ล้าน" "รวย" หรือ "ง่าย"
ในการเขียนชื่อหนังสือ มันเป็นกลวิธีที่แยบยลในการดึงดูดเหล่า 
คนธรรมดาที่มีความฝัน ฝันว่าจะรวย จะยิ่งใหญ่จะเป็น Some one 
ในโลกอันเต็มไปด้วยการแข่งขันใบนี้ที่น่าขำคือการสร้างล้านอย่างง่ายๆ
ด้วยเงินเพียงไม่กี่ร้อยจาการซื้อหนังสือ มันก็คล้ายๆกับการซื้อหวยชาเขียว 
ที่อาจจะมอมเมาด้วยคำโฆษณาเพ้อฝัน ผมก็ซื้อนะ 
ซื้อทั้งหนังสือสอนรวย สอนหาเงินล้าน 
และซื้อชาเขียวที่กินกันจนเบาหวานจะขึ้นตาตายอยู่แล้ว


เนื้อหาในหนังสือ
          
            หนังสือเล่มนี้เป็นมากกว่าขายฝัน เป็นหนังสือที่สอนเกี่ยวกับกระแสการหาแนวทางการสร้างธุรกิจ หรือการสร้างตัวตนของเรา ในสโลแกนที่ว่า "ยิ่งให้ ยิ่งได้" หนังสือได้สรุปเกี่ยวกระแสของโลกออนไลน์ โดยเฉพาะ โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ที่มีอิทธิพลต่อเราอย่างไร เราจะใช้มันในการสร้างตัวตนอย่างไร
       
            มีการบอกกล่าวเกี่ยวกระแสของการหารายได้แบบใหม่ที่เรียกว่า " Idol" ว่าคืออะไร ทำอย่างไร ปลุกกระแสการคิดรอบด้าน เริ่มจาก
  •  การเปลี่ยนถ่ายกระแสของ GEN ต่างๆ จาก  Baby Boomer  ไป Gen X และส่งต่อมา GEN Y 
  •  การตามหา Trend Settle หรือการมองการคนปลุกกระแสต่างๆว่าเค้าทำอย่างไร มีจุดยืนอย่างไร
  • การใช้ Reverse Marketing หรือ ธุรกิจตีลังกา
  • การคิดแบบ Inside out และ Outside In
  • การทำงานที่อธิบายตัวตนเพื่อเป็รการปูทางสู่การเป็น IDOL
  • การแยกประเภทของคนทำงาน 

และอีกมากมายที่ถูกอัดมาในหนังสือ กว่า 47 บท

ผู้เขียน

            ผมเพิ่งเคยอ่านหนังสือของคุณภาววิทย์เล่มนี้เป็นเล่มแรกครับ สิ่งที่พบในหนังสือคือความคิดของผู้เขียนที่ถ่ายทอดออกมาได้ดีเยี่ยม อธิบายที่มาที่ไปได้ สวยงามวาทะ ในการเขียนที่ทรงพลัง และทำให้ผู้อ่านมองเข้าไปถึงสิ่งที่ผู้เขียนอยากนำเสนอ ทำให้ผมคงต้องหาหนังสือเล่มอื่นๆของผู้เขียนคนนี้มาอ่านอีกแน่ๆครับ
         
           ส่วนผู้เขียนอีกท่าน คือ ดร.ต้อง Filters ผมขอเรียนตามตรงนะครับผมมองไม่เห็นเค้าในเล่มนี้ ที่เห็นเด่นชัดคือในส่วนของ Filters ต่างๆที่มีอยู่ในเล่มนิดหน่อย จากเรื่องนี้แสดงได้ 2 แบบ ครับ 
  1. คือการเขียนหรือผู้เรียบเรียงเก่งมากทำให้เรื่องต่างๆถูกนำเสนอออกมาเหมือนดังมีผู้เขียนคนเดียว
  2. มองในแง่ลบคือ อาจดูเหมือนไม่มีบทบาทมากนักในการลงรายละเอียดของภาษาที่อยู่ในเล่ม อาจทำในส่วนของการลงข้อมูลอย่างเดียวและวให้คุณ ภาววิทย์ เป็นผู้นำเสนอ


          แบบนี้จึงขอไม่กล่าวถึงมากครับเพราะก็ยังไม่ทราผลงานอาจารณ์เหมือนกัน แต่คงหาเวลามารีวิวสักเล่มครับ

สิ่งที่ได้จากหนังสือเล่มนี้

           ผมได้ความคิดเรื่องการสร้างตัวตนในโลกยุคนี้ การมองเรื่องเงินเป็นเพียงแค่เครื่องมือ (แต่เป็นสิ่งจูงใจเมื่อนำมาเป็นชื่อหนังสือ) การมองต่าง มองให้ออกระหว่าง การทำงานบริษัทกับการทำงานอิสระ มีเนื่้อหาที่บอกตรงนี้ไว้ดีมาก และเป็นจุดที่ชอบมากๆ สิ่งที่ต้องทำหลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้้ ต้องทำอย่างไร (ก็เขียนบล๊อกนี้ไง ฮา) 

สรุป(ตามความเห็นส่วนตัว)

       ผมว่าหนังสือเล่มนี้พลาดอย่างเดียวคือ "ชื่อหนังสือ" มันกลายเป็นว่านำกระแสมาตั้งชื่อทั้งที่เนื้อในมีดีกว่าที่เห็น (ผมอาจจะคิดไปเองนะครับ) การจัดรูปเล่มการนำเสนอ วาทะการเขียนเข้าขั้นดีมาก  (สงสัยผมต้องไปตามอ่านบล๊อกของคุณภาววิทย์แล้ว) แต่การนำเสนอมีบางอย่างยังกั๊กๆไว้ (อาจมีซีรี่ต่อไปนั้นเอง) แต่ก็ถือว่าให้รายละเอียดตามหัวข้อที่ต้องการขายได้ดี แต่มีการนำเสนอหัวข้ออื่นมาเพื่อให้เราอยากรู้ไว้เยอะอยู่นะ อืม บางที่ผูเขียนอาจจะ มีข้อมูลเยอะมากจนอั้นไว้ไม่อยู่ปล่อยๆทะลักมาบ้างให้ผู้คนอยากรู้ก็เป็นได้

ความคุ้มค่า

           ผมให้ 7.5 ครับ ขอหักเรื่องชื่อหนังสือ และการกั๊กบางข้อมูลที่น่าจะลงไปด้วย เช่นการใช้ Birkman ในการหาว่าเราอยู่ในสีไหน เป็นต้น (หรือเค้าต้องการอยากให้เราค้นคว้าเองหรือผิด ลิขสิทธิ์อันนี้ไม่แน่ใจ)

 ยังไงก็หนังสือทุกเล่มมีคุณค่าในตัวมันเอง หนังสือแต่ละประเภทสอนเราไม่เหมือนกัน ค้นหาให้เจอว่ามันสื่อถึงอะไร และที่สำคัญที่สุดคือลงมืทำมัน หรือนำเอาสิ่งที่เราเรียนรู้มาปฏิบัติ ปรับปรุงนั่นเอง


"ล้านแรก  ต้องแหกกฏ"


iMonkey7 22-5-15