วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เล่มนี้ "สี่สิบเก้าบาท"


เล่มนี้ "สี่สิบเก้าบาท"
ขณะขับรถกลับบ้านด้วยความงุนงง แวะปั๊มหน่อยก็ดี
ขี่เข้าไปโดยไม่มีจุดหมาย

ลงจากรถเดินเข้า 7-11 "เข้าไปทำไม?" 
ผมถามตัวเองเพราะไม่มีจุดหมายจริงๆ
คิดแค่ว่า น่าจะได้อะไรออกไปบ้างละ!!

เดินไปชั้นหนังสือ เจอหนังสือ
"สงสัยมั๊ย ? ธรรมะ ฉบับ รู้ทันทุกข์"

ความจริงผมก็เคยอ่านหนังสือ ซีรี่ สงสัยมั๊ย ? ธรรมะ มาก่อนนะครับ
เป็นเล่มเล็กๆ ทำขายผ่านเพจ เล่มละ 8 บาท ครับ
จริงๆเค้าต้องการทำแจกนะแหละครับ

ฝีมือการวาดของ The DUANG นักเขียนระดับประเทศ ผมซื้อมาตอนแรก
บอกตรงๆแค่ได้งานของ The DUANG ก็คุ้มแล้ว

แต่พอเปิดอ่านแค่นั้นละครับ........ยาว

หนังสือถูกสร้างมาจากหนังสือท่าน 

พุทธทาส "เรื่องแก่นพุทธศาสน์"

ถูกแบ่งเป็น 6 ตอน

Chapter 1 อยากปฏิบัติธรรม ต้องทำไง
ในโลกที่ถูกครอบงำด้วยการแข่งขัน การทำบุญถูกใช้ไปในเรื่องของการ ขอ
หรือทำให้ตัวเองได้รับ การสวดมนต์ หรือ ประกอบศาสนกิจเป็นเพียงการทำให้โลกรับรู้ว่าเราเป็นชาวพุทธ

เราควรจะ
สวดมนต์บทไหนบ้าง?
นั่งสมาธิแบบใด?
เดินจงกรมแบบไหน?
ปฏิบัติธรรมแบบไหนดี?

ล้วนแล้วแต่เป็นคำถามที่ยากที่จะตอบ
........"เธอกำลังปฏิบัติธรรมเพื่อละความหลง หรือกำลังหลงในการปฏิบัติธรรม"

Chapter 2 ธรรมะ ในใจ
"หลวงพ่อครับ ทำไมแนวทางในการปฏิบัติรวมถึงเนื้อหาของหลักธรรมต่างๆ ของพุทธศาสนาถึงมีมากมาย ทั้งบทสวด และ พิธีกรรมต่างๆ"

พุทธองค์ตรัสว่า 
"ภิกษุทั้งหลาย ใบไม้ในกำมือ และ ใบไม้ในป่าอันไหนมีมากกว่ากัน"

สิ่งที่เราตรัสรู้มีมากมายเปรียบปานต้นไม้ในป่า แต่สิ่งที่จำเป็นต่อท่าน ควรนำมาปฏิบัติดุจต้นไม้ในกำมือเรา

"นั่นคือ ทุกข์ และทางสู่การดับทุกข์"

Chapter 3 รู้จักความทุกข์
-หลวงพ่อครับผมอยากมาปฏิบัติธรรมที่วัดครับ
-ทำไมละ
-ที่วัดมันสงบกว่า
-ความสงบเกิดจากการปล่อยวางความคิดและการปรุงแต่ง เพียงปล่อยวางความคิดเมื่อใดความสงบก็จะเกิดเมื่อนั้น
-
"มันเหมือนหินโยนลงน้ำ อยากสงบเลิกโยนหิน"
หาให้เจอทุกข์ตัวไหนให้ดับก่อน....ค่อยๆหรี่ลงๆ เมื่อเป็นเช่นนั้น อยู่ที่ไหนก็ สงบได้

Chapter 4 คาถาทันทุกข์
ธรรมมะเหมือนก้อนกลมๆใหญ่ๆ มีหลายมุม หลายด้าน ขึ้นอยู่กับว่าเรามองมุมไหน
"แล้วก็ไปยึดติดเข้าใจเองว่านี่แหละ คือ ธรรมะ"

ธรรมะ ธรรมดา ธรรมชาติ

Chapter 5 เพื่ออะไร แล้วไงต่อ

ในความจริงแล้ว เราคิดทุกเรื่องหมุนเวียนตลอดเวลา ก่อนจะทุกข์ จะสุข ให้ถามตนเองว่า
"เพื่ออะไร แล้วไงต่อ"

ให้คิดต่อว่าจากนี้จะเกิดอะไร........และใครเป็นคนกำหนด
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ก็จะ "ปล่อยวาง"
เรามิใช่เราตลอดไป ทุกเรื่องก็เป็นเพียงชั่วคราว ภาชนะชั่วคราว "แค่นั้นเอง"

Chapter 6 ธรรมะ ธรรมดา ธรรมชาติ

ธรรมะ ที่แท้จริงคือ เรื่องธรรมดาต่างๆ 
ที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา ธรรมะ ธรรมดา ธรรมชาติ 
สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนอยู่ในธรรมชาติ 
แห่งการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป 
ความทุกข์ก็เช่นกัน ไม่นานก็จะดับหายไปเสมอ

"เรากำลังทุกข์เพราะใคร .... แล้วเราจะทุกข์ทำไม
ยึดติดแล้วได้อะไร ยึดไว้ได้ จริงๆเหรอ?"

.....ชีวิตคนเราก็เป็นเช่นนี้เอง......

-----------------------------------------------------------------------
นักเล่นหุ้นกล่าวว่า การซื้อของให้ดูที่ มูลค่า ไม่ใช่ราคา
ไปหามาไว้เถอะครับ......
#เจอหุ้นสิบห้าล้านเด้ง
#รวยแล้วๆ

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

รีวิวหนังสือ"ฟาสต์ฟู้ด ธุรกิจ" หนุ่มเมืองจันท์



"ฟาสต์ฟู้ด ธุรกิจ"
ผู้เขียน: หนุ่มเมืองจันท์
สำนักพิมพ์: มติชน
ราคา 150 บาท

ไทม์ แมชชีน ฉบับพกพา

หากเวลาเป็นสิ่งที่ไม่หยุดและย้อนกลับ  การกลับไปยังอดีตคงทำได้แค่ในความคิด

หากแต่ต้องการความสมบูรณ์ของอดีต ก็คงต้อง"อ่านหนังสือเก่า"
แล้วสิ่งที่ค้นพบ มีค่ามากกว่าที่คิด

ผมก็พึ่งเคยรู้จัก ความทันสมัยที่แสนเก่าแก่....

อ้อ ที่สำคัญ
"มันน่าหลงไหล"


เนื้อหา


เป็นหนังสือที่ทันสมัยมากด้านการตลาด เมื่อสัก 20ปีที่แล้ว

ตัวหนังสือถูกเขียนและ ตีความการตลาดเมื่อปี 2537-2540
หรือสัก 20 ปีที่แล้ว 

หนังสือบอกเล่าเรื่องราวการฟาดฟันของยักษ์ใหญ่ ตอนนั้น และตอนนี้
มี 2 อย่างที่เกิดกับ ยักษ์ใหญ๋เหล่านั้น

คือกลายเป็นพระเจ้า กับ ตายไปกับเวลา

ตอนท้ายของทุกตอน จะมีมุกที่สอดแทรกเป็นมุกที่ ทั้งฮา ทั้งขำ และบางมุก

ไม่รู้มีทำไม


  ผู้เขียน


"หนุ่มเมืองจันท์"ถูกยกย่องเป็น ปรมจารณ์ด้านการเขียน และ
 การตลาดเพราะถูกเรียกว่าโตมากับเศรฐกิจเมืองไทย

สามารถวิเคราะห์ วิจารณ์ความเป็นไปของธุรกิจได้แตกฉาน 

สำนวนโวหารมีเอกลักษณ์มากๆ

 ซีรี่"ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ"ก็มีสาขาย่อย 20 กว่าเล่ม

ผมคงไม่ตีความมากกว่านี้ครับเพราะพึ่งเคยอ่านเล่มแรก
 และดันเป็นเล่มที่ออกมาแล้ว 20 ปี

ยังไงผมจะไล่เก็บให้ครบ แล้วจะมาเล่าให้ฟังนะครับ



ความคุ้มค่า



ผมเรียนตามตรงว่า หนังสือเป็นอะไรที่ทำให้เรานึกถึงอดีต การสู้รบ การวางแผนที่
เรารู้ผลลัพธ์ ว่า คนไหนอยู่ คนไหนตาย และคนไหนกลายร่าง

ทีแรกผมว่าจะไม่รีวิวเพราะเนื้อหาค่อนข้างเก่า
แต่เอาเข้าจริงๆ ผมกลับชอบเสน่ห์ของเรื่องราว ที่ไม่มีวันตาย

เรื่องบางเรื่องถูกเล่าแบบ นักรบ หน้าใหม่ ที่เรื่องราวเหล่านั้นถูกถ่ายทอด
ในปัจจุบัน ด้วยสำนวน "ตำนาน"

 ผมให้ 8 คะแนนสำหรับ เรื่องราวครับ 

ผมไม่แปลกใจนะครับที่ถูกตีพิมพ์แล้ว 16 ครั้ง เพราะมันมี

"เสน่ห์" จริงๆ

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

รีวิวหนังสือ "หนังยาง ล้างใจ"บอย วิสูตร แสงอรุณเลิศ

 "หนังยาง ล้างใจ"
ผู้เขียน : วิสูตร แสงอรุณเลิศ
สำนักพิมพ์ : Stoc2morrow
ราคา : 255 บาท


หลักการที่จะทำอะไรให้สำเร็จนั้น
ผมว่าเราทุกคนก็พอจะรู้ หรือหามาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

หากแต่เราไม่มีแรง หรือไม่มีใจที่จะขวายขวายหา
หรือหามาแล้วไม่เก็บไว้ หรือเก็บไว้แล้วไม่ยอมใช้

ไม่เป็นไร ยังมีคนรวบรวมสิ่งเหล่านี้มาให้
ผ่านวิธีการหรือกระบวนการใหม่ๆ ที่ใช้สร้างพระเอก

แล้วพระเอกเหล่านี้ ก็จะมาเป็น

"ฮีโร่ในใจเรา"


               เนื้อหา

หนังสือนี้เป็นร่างแยกจาก "งานไม่ประจำทำเงินกว่า" ที่ใช้หลักการหว่านเมล็ดไว้
แล้วสร้างหนังสือซีรี่มาตามเก็บประเด็นที่คนสนใจ

ค่อยๆเจาะลึกในสิ่งที่เรามุ่งค้นหา 
เน้อหาจริงๆของหนังสือแบ่งออกเป็น 21 ตอน

แต่ละตอนจะมีภาระกิจให้ทำ โดยทำวันละตอน
ง่ายๆ ถ้าคุณเคร่งจริงๆคุณจะใช้เวลาอ่านอย่างน้อย 21 วัน

โดยรวมคือปรับสภาพจิตใจครับ ค่อยๆผ่อน ปรับความคิด ทัศนคติ
ต่างๆ มองโลกให้ง่ายและน่าอยู่ขึ้นผ่านตัวหนังสือ
ที่ย่อยมาแล้วพร้อมรับประทานแบง่ายๆ


มุ่งเน้นให้เรามีความสุขเป็น ไม่อยากบอกว่ามองโลกบวกนะครับ
เพราะในเนื้อหาผมตีความว่ามองโลกง่ายๆมากกว่า

มีประโยชน์ในเชิงปฏิบัติครับ ผมทำครบนะ ผมอ่านเล่มนี้จบมา 3 เดือนละ
ผมก็ยังใส่หนังยางอยู่ แต่หนังยางที่ทางหนังสือแถมมามันหาย
 เพราะแกะถุงออกมาก็ไม่มี ไปถามพนักงานก็บอกว่าไม่เห็น

อืมนะ
ข้อติใหญ่ๆมี 2 อย่างครับ หนังสือเหมือนเตะถ่วง
อย่างจงใจ ในแต่ละบทไม่มีอะไร นอกจากถ่วงไปให้ครบวัน

อีกอย่างคือบทสัมภาษณ์ผู้เข้าร่วมโครงการ มันคือสิ่งที่เปลืองกระดาษและทำให้

หนังสือหนาขึ้นเท่านั้นเอง

                    ผู้เขียน

ครับสไตล์คุณบอยนั้นเป็นประเภท เขียนง่ายๆ อ่านแล้วรู้สึกดีไม่กดดัน
ฟังไปฟังมาเหมือนเราสำเร็จ ในอะไรก็ช่างที่เราอยากเป็น

ถ้าให้พูดไม่เกรงใจแฟนคลับ คือ

"คนขายฝัน"

คุณบอยมีสไตล์ที่เรียบง่ายแต่เข้าถึง ผมชื่นชมนะครับ
แต่ไม่อยากมองข้ามสิ่งที่ต้องติในหลายๆเรื่องครับ

เอาเป็นว่า ข้อเสียที่ผมกล่าวมา 2 ข้อ ข้างบนนั้น
เป็นวิธีการ ที่ทำจริงๆแล้ว ได้ผลนะครับ
 จะว่าไงดี ใจนึงผมก็เชื่อ  ใจนึงผมก็ ปัดครับ



                    ความค้มค่า 

ผมขออนุญาติแบ่งเป็น 2 กรัณีครับ 
1 ความคุ้มค่าในแง่ของเนื้อหาในหนังสือ ผมให้ 5 ครับ
 เพราะมีใจหลักปักความแค่ไม่กี่อย่าง ถ้าอ่านแบบผ่านๆนี้
ไม่ซื้อแน่ๆครับ เหมือน "อิฐมวลเบา" ที่กลวงเหลือเกิน

2 ในแง่ของการปฏิบัติ ให้ 10 คะแนน
ผมเป็นคนที่ทำตามหนังสือจริงครบทุกวัน ทุกหน้าและอักษร

"ได้ผล"

ต้องบอกแบบนี้ ผมมองโลกง่ายขึ้น ดีขึ้น มีความสุขเป็น
แล้วเริ่มวางแผนกับตัวเองมากขึ้น 
ถ้าวันไหน เหนื่อหน่ายท้อแท้ ผมก็ยังหยิบเล่มนี้มาอ่านทุกที

"ที่เหลือผมว่าให้ผู้อ่านท่านอื่นมาช่วยตัดสินละกันนะครับ"


วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558

รีวิว"วิธีพูดกับทุกคนในทุกสถานะการณ์"

 
รีวิว"วิธีพูดกับทุกคนในทุกสถานะการณ์"
 
ผู้เขียน : Leil Lowndes        
ผู้แปล : มินตา ภณปฤณ        
สำนักพิมพ์ :We Learn        
ราคา : 180 บาท           

  
 
ณ ยุคที่โลกไร้ที่กั้นนั้น ไม่มีอะไรมาอานุภาพเท่ากับการรู้จัก หรือสายสัมพันธ์( Connection )
ไม่ทุกคนที่จะเข้าไปรู้จักกับใครได้ง่าย
 
ต่างคนต่างระวังตัว ต่างรักษาซึ่งผลประโยชน์แห่งตน
การสร้างบุคลิค การสร้างสายสัมพันธ์ การสร้างแรงดึงดูด
 
ล้วนแล้วแต่หมายถึงศิลปะ มันเป็นอีกแขนงที่ต้องใช้ชั้นเชิง
 
โดยพื้นฐานของมนุษย์แล้วคนที่เราอยากคบ อยากรู้จัก อยากพูดคุย
มีไม่กี่เหตุผลหรอกครับ
 
"ผลประโยชน์ กับ คุยถูกคอ"
 
 
                 เนื้อหา
 
ประกอบไปด้วย 50 บทแห่งการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ แบ่งออกเป็น 5 ส่วน
  1. วิธีสร้างความประทับใจโดยไม่ต้องพูดสักคำ (9บท)
  2. ควรพูดอย่างไรหลัง"สวัสดี"(14บท)
  3. พูดอย่างระดับคนวีไอพี (14 บท)
  4. เป็นคนวงในในทุกวงการ (6บท)
  5. วิธีทำตัวเหมือนเป็นเมล็ดถั่วในหม้อเดียวกัน(7บท)
แต่ละบทก็เชื่อมโยงกัน ตังแต่ทำความรู้จัก กล่าวทักทาย พูดตีสนิท
จนกระทั่งคบค้าสมาคม
 
ผ่านเหตุการณ์ต่างๆที่ผู้เขียนได้พบ ได้สังเกต และคิดขึ้นเพื่อ
ให้การติดต่อสื่อสารมีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่
 
เหตุการณ์เหล่านั้นมีทั้ง แบบดีและไม่ดีสลับกันไป
บางสถานการณ์ก็เปรียบเทียบแปลก อ่านสองสามรอบผมก็ไม่เข้าใจ
 
บางอย่างก็อ่านแล้วรู้สึกอยยากทำตาม
 
ด้วยหนังสือที่ขนาด 250 หน้า กับ 50 บท
 
เนื้อรู้สึกเหมือนถูกอัดๆมา ให้รู้สึกว่าคุ้ม
 
กลับกลายเป็นไม่เข้าใจ ถึงแม้จะมีสรุปแต่ละบทก็ยัง งง อยู่ดี
 
(หรือเป็นที่ผมคนเดียว)
 
บางสถานการณ์ เหมือนแต่งขึ้นมายังไงไม่รู้แปลก
แต่โดยรวมสามารถให้เรามีมุกที่จะเข้าไปทำความรู้จัก
 
ในสภาวะที่ต้องทำ หรือ เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็สามารถเอาตัวรอดได้
 
แต่ทั้งหมดทั้งมวลขึ้นอยู่กับ การฝึกฝน
 
"ว่าเราจะใช้มันได้ดีแค่ไหน"
 


 
          ผู้เขียน
 
ผู้เขียนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงทางด้านการสื่อสาร เขียนหนังสือหลายเล่มมาก
และได้รับการยกย่องจากหลายๆสถาบันใน อเมริกา
 
ผมคงไม่แตะต้องเพราะไม่รู้จักครับ (ฮา)
แต่โดยภาพรวมของหนังสือผมว่าเหมือนการอัดเนื้อใส่หนังสือ
เพื่อสร้างเล่มต่อไปในเนื้อหาที่ละเอียดขึ้น
 
ก็คงต้องหาเล่มอื่นๆมาอ่านกันดูครับสำหรับผู้เขียนท่านนี้
 
         ความคุ้มค่า
 
เล่มนี้ถ้ามองที่เนื้อหา คุ้มครับสำหรับ 50 บทที่อัดแน่น
แต่มองในมุมมองที่เอาไปใช้นั้นยังไม่ละเอียดมากมายนัก
 
กลายเป็นว่ามันเยอะจนไม่รู้จะเอาบทไหนมาใช้ในแต่ละสถานการณ์
ผมให้ 7 คะแนนครับ โดยสรปก็เป็นหนังสือที่นำมาใช้ได้จริงครับ
 
แต่ก็อย่าลืมว่าทุกอย่าง ต้องได้รับการฝึกฝนครับ
 
หนังสือไม่ใช่เทพ เนรมิตรไม่ได้
แต่มันคือจุดเริ่มต้นให้คุณ
 
"มั่นใจ ในตนเอง"

 
 
imonkey
 
6-6-15

 

เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป

 
 
เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป
 
 
 
มนุษย์ถูกผูกติดกับคำว่า สวรรค์ และความดีมากเกินไป
 
เชื่อว่าเมื่อทำดีย่อมได้ดี จนนึกว่าคือแก่นแท้แห่งศาสนา
 
ซึ่งความเชื่อนี้เป็นแค่การ ตู่ ขึ้นมาเพื่อให่เรา ดำรงค์อยู่ในคุณงามความดี
 
หากแต่เป้าหมายของความดีมิใช่ซึ่ง การปล่อยวาง
 
เป้าหมายกลับเป็นเพียงแต่ ได้มาซึ่งความสุขของตน
 
ดำรงค์ไว้ซึ่งตน หรือ "อัตตา" แค่นั้นเอง
 
หากถกเถียงเรื่องนี้ไซร้จะกลายเป็นเอาน้ำมันไปราดกองไฟ
 
ต่างคนต่างคิด ต่างกระทำ ต่างดำรงค์อยู่ซึ่งตัวตน ของตนเอง
 
แก่นแท้ที่เหมาะที่สุด ณ เวลานี้คือการกระทำซึ่งเป็นการปล่อยวาง
 
ไม่ยึดติดกับรูปลักษณ์ จิต ทั้งอดีตและอนาคต
 
ซึ่งอาจกล่าวได้เพียงว่า มนุษย์เรามีเพียงแค่
 
"เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป"
 
 
มาบ่นเรื่องธรรมะ ซึ่งไกลตัวเราเพื่ออะไร
 
จากการอ่านหนังสือหลายเล่มที่ผ่านมา จะมีแก่นแท้ของ
 
อัตตาแฝงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการหาความสุข
 
ยึดติดกับทรัพย์  รูปทรัพย์ สิ่งที่เป็นรูปธรรม
 
การได้มาซึ่งสิ่งใดสิ่งนึง การครอบครอง เป็นเจ้าของในสิ่งที่มีความหมายเท่ากับความสูญเปล่า
 
เราคงยังต้องทำหน้าที่ของเราเหล่ามนุษย์ธรรมดาอยู่
 
ย่อมแหวกว่ายใน เกิด แก่ เจ็บ ตาย ได้มา ครอบครอง โทสะ โมหะ ราคะ
 
เหล่านี้ย่อมทำให้ยังมีการ ดีใจ สุขใจ ร้องไห้ เจ็บปวดมิมีที่สิ้นสุด
 
 
ที่ผมร่ายมายาวๆนี้ไม่มีอะไรมากครับ
 
แค่เตือนสติตนเองไม่ให้งมงายในเป้าหมายที่ตนสร้างขึ้น
 
ทุกใจในสิ่งที่ยังไม่เกิด มองโลกแห่งความจริง เดินไปยังจุดหมาย
 
ด้วยความพยายามเต็มที่ แม้ผลที่ได้จะเป็นไปตามหรือไม่ ก็ปล่อยวาง
 
มนุษย์ อย่างเราอย่างท่าน เดินช้าลงอีกนิด หาความหมายที่แท้จริง
 
แล้วเริ่มมีความสุขกับปัจจุบัน
 
"กันดีกว่า"
 
iMonkey             
 
5-6-15             


วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558

รีวิว "ชีวิตมั่งคั่ง ด้วยกระเป๋าสตางค์ใบเดียว"(คะเมะดะ จุนอิจิโร่)


รีวิว "ชีวิตมั่งคั่ง ด้วยกระเป๋าสตางค์ใบเดียว"

ผู้เขียน: Junichiro  Kameda
ผู้แปล : ทินภาส  พาหะนิชย์
สำนักพิมพ์ : We Learn
ราคา : 150 บาท


การทำอะไรบนพื้นฐานธรรมดาทั่วไปก็จะเป็นกลุ่มคน 95 %
หากแต่บางคนเลือกจะทำสิ่งที่แตกต่าง

มุมมองชีวิต คือพื้นฐานในการสร้างไอเดีย

ไอเดียที่ดีทำเงินได้ไม่มีวันหมด 
ลองหาเวลาสักนิดมาคิดหามุมมองใหม่ๆ

เปลี่ยนเรื่องทั่วๆไปให้น่าสนใจแค่มีคนสนใจ เค้าก็รับฟังเราแล้ว

ไอเดียของคุณอาจจะมีแล้วก็ได้สิ่งที่คุณต้องมีอีกอย่าง

"ก็พระเอกไง"

           เนื้อหา

หนังสือเล่มนี้ชูจุดเด่นโดยใช้ของใกล้ตัว นำมารวมกับประสบกาณ์ชีวิต
แล้วสร้างตัวเอกขึ้นมาอย่างน่าสนใจ

คงเป็นอะไรที่ทำให้เราสงสัย คล้ายกับการจั่วหัวแบบ Click Bait (เขียนให้อยากรู้)

ที่กำลังโด่งดังหลอกล่อให้เราเขาไปเปิดดูเปิดอ่าน

เมื่อเราเปิดอ่านเปิดใจเราก็ยอมรับวิธีการ

ภายในหนังสือประกอบด้วยที่มาที่ไปของผู้เขียน ที่เป็น พนักงานตรวจสอบบัญชี
และได้สังเกตถึงกระเป๋าเงินของคนรวย

เมื่อได้ทราบว่าส่วนใหญ่ใช้ทรงยาว ก็เติมจิตวิทยาการใช้เงิน
เพื่อสอนผู้อ่าน การทะนุทนอมเงิก การเก็บออม การใส่ใจกับ
สิ่งเล็กน้อยๆเกี่ยวกับเงินๆทอง

พร้อมกฏที่ว่า รายได้ของเราต่อปีเท่ากับราคากระเป๋าคูณด้วย 200

เป็นกฏที่เรียกว่าแทบจะมโนขึ้นมา ผมคิดว่าการที่เราจะซื้ออะไร
เราจะคำนวนรายได้เราก่อนตะหากเมื่อคิดผวนกลับ

ก็จะใกล้เคียงกัน อันนี้ผมคิดนะครับ ผู้เขียนอาจจะถูกก็ได้


ในหนังสือก็ยังแทรกวิธีการใช้เงินโดยแบ่งเป็น 3 ประเภท
  1. การบริโภค
  2. การลงทุน
  3. ล้างผลาญ
ให้คิดก่อนว่าจะจ่ายอะไรเงินที่จ่ายอยู่ในหมวดไหน

 แล้วมันจะทำให้เราคิดก่อนใช้เงิน 

การมองเงินเป็นสิ่งมีชีวิต มีจิตใจ ทำให้เราทะนุทนอมมันมากขึ้น 
การหาทางออกของเงินมีความสำคัญกว่าทางเข้า
หรือการตั้งเป้าหมายในชีวิต ต่างๆที่แทรกเข้ามา

ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าทุกสิ่งที่เราสนใจมันก็จะสนใจเราด้วย

มองให้ออกว่าเราจะใช้เงินเพื่ออะไร
       
   ผู้เขียน

เนื่องจากเป็นหนังสือแปล การถ่ายทอดออกมาคงไม่สามารถวิเคาระผู้เขียนจริงๆ(คะเมะดะ)
ได้มากนัก จึงมองไปยังสำนวนของผูแปล คุณทินภาส พาหะนิชย์

ที่แปลออกมาตรงๆ ไม่ค่อยใส่รายละเอียดหรือคำอธิบายมากนัก 
ใช้ศัพท์เฉพาะโดยตรงที่อาจเป็น วัฒนธรรมของคนญี่ปุ่น 
ซึ่งบางอย่างไม่เข้ากับคนไทย

แต่ก็เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วนสมบูรณ์ดี

  ความคุ้มค่า

นับว่าเป็นหนังสือ How To อีกอย่างนึงที่พยายามหาตัวเอกที่แปลกออกไป
สร้างมุมมองพิเศษๆ ที่แตกต่างแต่ก็ยังคงมอบวิธีการใช้เงิน ที่หลักๆ

ก็ไม่ต่างจากหนังสือเล่มอื่นมากนัก
ผมให้ 7 คะแนน สำหรับความคิดสร้างสรรค์และเทคนิคที่นำไปใช้ได้จริง

สุดท้ายแล้ว การกระทำกับเป้าหมายเป็นตัวตัดสิน
เล่มแค่เสอทางไปที่น่าสนใจเพิ่มมาอีกย่างนึง

"แค่นั้นเอง"

iMonkey
4-6-2015